ChiangmaiFX : ก้าวสู่ปีที่ 16 อย่างมั่นคงในการเทรด Forex (2009 - 2025) โดยใช้วิชาเทคนิคอล (สถิติประยุกต์) มาช่วยเพิ่มโอกาสที่จะชนะ

 

ปูพื้นฐานการเทรด Forex : Fundamental Analysis คืออะไร?

Fundamental Analysis คืออะไร และสำคัญอย่างไรในการเทรดForex?

ปัจจุบันในตลาด Forex มีเทคนิคมากมายที่สามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้กับนักลงทุนได้ ทั้งเทคนิคที่เผยแพร่อยู่ทั่วไปที่สามารถเข้าถึงได้แบบฟรี ๆ ไปจนถึงเทคนิค ‘ลับสุดยอด’ ของเหล่าเซียนชื่อดังที่ต้องสมัครคอร์สเรียนหรือซื้อหนังสือเพื่อมาศึกษาเพิ่มความรู้ ทว่าในบทความนี้ เราจะมาแนะนำถึงสิ่งที่เรียกว่า Fundamental Forex หรือ  Fundamental Analysis ซึ่งก็คือหนึ่งในเทคนิคทั่วไป แต่หากนักลงทุนมีความเข้าใจและศึกษาให้ดี ๆ ก็จะสามารถนำไปปรับใช้กับการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากเลยทีเดียว 
Fundamental Analysis คืออะไร? และมีปัจจัยอะไรที่ต้องคำนึงถึงบ้าง ติดตามได้เลย! 
 
พื้นฐานการเทรด forex fundamental analysis

Fundamental Analysis vs Technical Analysis

ก่อนที่จะไปลงลึกว่า Fundamental Analysis ว่าคืออะไร นักลงทุนควรที่จะเข้าใจถึงพื้นฐานการเทรด Forex กันก่อน ซึ่งสำหรับการวิเคราะห์เพื่อหาแนวโน้มของราคาคู่สกุลเงินในอนาคต จะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่

Fundamental Analysis: คือรูปแบบการวิเคราะห์โดยคำนึงถึงปัจจัยพื้นฐานด้านต่าง ๆ ของประเทศเจ้าของคู่สกุลเงิน รวมไปถึงประเทศอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่ออัตราการแลกเปลี่ยน ตัวอย่างเช่น สภาพเศรษฐกิจ การวางแผนการเงิน รายได้ของประเทศ ราคาน้ำมัน การเงินคงคลัง และเหตุการณ์บ้านเมืองเป็นต้น ดังนั้นหากต้องการวิเคราะห์แบบ Fundamental Analysis การติดตามข่าวสารบ้านเมืองโลกอย่างใกล้ชิดถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง
Technical Analysis: สำหรับการวิเคราะห์ในรูปแบบนี้ ถือว่าเป็นพื้นฐานการเทรด Forex ที่แตกต่างกับ Fundamental Analysis โดยสิ้นเชิง เรียกได้ว่าแทบไม่ต้องติดตามข่าวสารใด ๆ สิ่งเดียวที่ใช้ในการวิเคราะห์คือรูปแบบของกราฟอัตราการแลกเปลี่ยน โดยเป็นการนำเทคนิคต่าง ๆ เช่น EMA Indicator หรือการเทรดแบบ Pop'n'Stop และ Drop'n'Stop มาเป็นตัวช่วยวิเคราะห์เพื่อหาแนวโน้มว่ากราฟจะเป็นอย่างไรในอนาคต
แม้ว่าทั้ง 2 วิธีจะมีประโยชน์ แต่ Fundamental Analysis มักจะเน้นการลงทุนในระยะยาวมากกว่า ขณะที่ Technical Analysis จะเป็นการวิเคราะห์ที่เหมาะกับการทำกำไรในระยะสั้น

เจาะลึก Fundamental Analysis

เมื่อได้ทราบแล้วว่าในตลาดการเทรด Forex มีการวิเคราะห์เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไรทั้งแบบ Fundamental Analysis และ Technical Analysis ตอนนี้เราไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Fundamental Forex ว่าคืออะไรแบบเจาะลึกกันเลย  
Fundamental Analysis ในโลกของ Forex คือหนึ่งในวิธีการประเมินมูลค่าที่แท้จริงของสกุลเงินโดยใช้ปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง และการเงินที่อาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์อุปทาน โดยปัจจัยต่าง ๆ มีดังต่อไปนี้
  • ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
  • อัตราเงินเฟ้อ
  • อัตราการว่างงาน
  • เสถียรภาพทางการเมือง
  • ดุลการค้า
ด้วยการวิเคราะห์ปัจจัยเหล่านี้ นักลงทุนสามารถทำความเข้าใจในสถานการณ์ที่บ่งบอกถึงแนวโน้มแข็งค่าหรืออ่อนตัวขึ้นของแต่ละสกุลเงิน ซึ่งช่วยให้การลงทุนเป็นไปอย่างชาญฉลาด เพิ่มโอกาสทำกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Fundamental Analysis สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าได้ แต่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกระบวนการโดยรวมในการประเมินสกุลเงินเท่านั้น ไม่อาจยึดถือเป็นหลักเกณฑ์เพียงอย่างเดียวที่ใช้ประกอบการตัดสินใจ เนื่องจาก ปัจจัยอื่น ๆ เช่น Technical Analysis หรืออารมณ์ตลาด และการบริหารความเสี่ยง ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน
 
fundamental forex คืออะไร

เทคนิคการติดตามข่าวเพื่อ Fundamental Analysis

สำหรับการวิเคราะห์แบบ Fundamental Analysis ข้อมูลข่าวสารคือสิ่งสำคัญที่จะขาดไม่ได้เรียกว่ายิ่งรู้มากเท่าไรก็จะได้เปรียบเท่านั้น เนื่องจากข่าวสารคือข้อมูลพื้นฐานที่จะนำมาวิเคราะห์ต่อยอด Fundamental Analysis ในขั้นตอนต่อไปได้ 
แต่โลกทุกวันนี้มีข่าวสารเกิดขึ้นมากมายในแต่ละวัน การจะติดตามให้ครบทั้งหมดแทบจะเป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เรามีอีกหนึ่งพื้นฐานการเทรด Forex อย่าง ‘เทคนิคการติดตามข่าวสาร’ มาฝาก รับประกันว่าจะช่วยให้การติดตามข่าวสารไม่ยากอย่างที่คิด
นักลงทุนทุกคนควรที่จะรู้จักกับ  Forex Factory (www.forexfactory.com) แพลตฟอร์มที่เป็น แหล่งข้อมูลสำหรับการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ พร้อมนำเสนอการวิเคราะห์แบบเจาะลึก เพื่อให้นักเทรด Forex จากทั่วโลกสามารถเข้าถึงข้อมูลและทำการเทรดได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น โดยใน Forex Factory จะทำการรวบรวมทุกข่าวสารที่อาจส่งผลกระทบต่ออัตราสกุลเงินต่าง ๆ แบบจบครบในที่เดียว อีกทั้งยังแบ่งข่าวสารออกเป็น Tier ต่าง ๆ อีกด้วย ดังต่อไปนี้: 
  • ข่าวระดับสำคัญมาก: ใช้สัญลักษณ์สีแดง บ่งบอกว่าเป็นข่าวที่มีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อค่าเงินสูง ตัวอย่างของข่าวประเภทนี้ได้แก่ อัตราการว่างงาน (Unemployment Rate), ดุลการค้า (Trade Balance), ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP), รายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Deflator), ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เป็นต้น
  • ข่าวระดับสำคัญ: ใช้สัญลักษณ์สีส้ม บ่งบอกว่าเป็นข่าวที่มีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อค่าเงินในระดับปานกลาง ตัวอย่างของข่าวประเภทนี้ได้แก่ รายได้ส่วนบุคคล (Personal Income), การใช้จ่ายส่วนบุคคล (Personal Spending) ประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ (BOE), ประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB), ดัชนี NY Empire State,เป็นต้น 
  • ข่าวระดับทั่วไป: ใช้สัญลักษณ์สีเหลือง เป็นข่าวที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการแปรผันของสกุลเงินอย่างมีนัยยะสำคัญ จึงไม่นิยมนำมาพิจารณาประกอบการเทรดเท่าไรนัก
ถึงตรงนี้ เชื่อว่านักลงทุนน่าจะมีความเข้าใจมากขึ้นแล้วว่า Fundamental Analysis คืออะไร และประกอบด้วยปัจจัยใด รวมถึงสามารถวิเคราะห์ได้อย่างไร แต่ถ้าหากอยากได้ความรู้เกี่ยวกับการเทรด Forex ที่เจาะลึกมากกว่านี้ สามารถศึกษากลยุทธ์และองค์ความรู้ต่าง ๆ ได้กับ Chiangmai Forex สถาบันให้ความรู้เกี่ยวกับ Forex ที่มีประสบการณ์อยู่ในตลาดมากว่า 13 ปี  มีทั้งคอร์สปูพื้นฐาน ไปจนถึงเทคนิคขั้นสูง สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.chiangmaifx.com และ Facebook : Chiangmai Forex

แนะนำ 5 โบรกเกอร์เทรด Forex ที่น่าเชื่อถือและรองรับภาษาไทย

เปิดลิสต์ 5 โบรกเกอร์เทรด Forexมีภาษาไทย น่าเชื่อถือ

เนื่องจากในโลกแห่งการเทรด Forex โบรกเกอร์เทรด Forex เปรียบเสมือนสะพานที่เชื่อมนักลงทุนกับตลาดการเทรดเข้าไว้ด้วยกัน โดยหลังจากที่นักลงทุนสมัครใช้งานโบรกเกอร์เรียบร้อยแล้ว และต้องการที่จะเทรด โบรกเกอร์ Forex จะทำการส่งคำสั่งซื้อ-ขายไปยังตลาด Forex เนื่องจากนักลงทุนรายย่อยไม่สามารถส่งคำสั่งซื้อไปยังศูนย์กลาง (Liquidity Providers) ได้โดยตรง ด้วยเหตุนี้โบรกเกอร์ Forex จึงเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างมากสำหรับการเทรด 
ด้วยเหตุนี้นักลงทุนจึงควรให้ความสำคัญในการเลือกโบรกเกอร์เทรด Forex เป็นอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าการมีโบรกเกอร์ที่ดีคือข้อได้เปรียบในตลาดการเทรด โดยในปัจจุบันมีโบรกเกอร์ Forex เปิดให้บริการมากมาย ดังนั้น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการเลือก บทความนี้มี  5 โบรกเกอร์เทรด Forex ที่น่าเชื่อถือ มาแนะนำ และที่สำคัญคือทุกที่มีภาษาไทย ตอบโจทย์การใช้งานที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น ติดตามได้เลย

โบรกเกอร์เทรด Forex แนะนำ

Exness

หากเปิดลิสต์โบรกเกอร์เทรด Forex ที่น่าเชื่อถือ Exness คือชื่อที่จะอยู่ในลำดับต้น ๆ แน่นอน เนื่องจากโบรกเกอร์ Forex แห่งนี้เริ่มเปิดให้บริการครั้งแรกในปี ค.ศ. 2011 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นเวลาเกินกว่าทศวรรษแล้วที่ Exness ได้พิสูจน์ถึงความโปร่งใส น่าเชื่อถือ และความซื่อสัตย์
“เราไม่กลัวที่จะมอบคุณสมบัติใหม่อันล้ำสมัยซึ่งไม่มีคู่แข่งรายใดกล้านำมาใช้” กล่าวโดย Kerry Gan ประธานฝ่ายการพาณิชย์ระดับภูมิภาคของ Exness ซึ่งสะท้อนถึงการบริการที่ยอดเยี่ยมในทุกด้าน 
Exness มีผู้เชี่ยวชาญฝ่ายบริการลูกค้าถึง 16 ภาษา รวมถึงภาษาไทยด้วย และพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน และสำหรับคนที่สนใจ ใช้เวลาเพียง 3 นาทีในการตั้งค่าบัญชี จากนั้นเริ่มเทรดได้เลย เรียกได้ว่าสะดวกมากทีเดียว

XM

XM คืออีกหนึ่งโบรกเกอร์เทรด Forex ที่นิยมในประเทศไทย และแน่นอนว่ามีภาษาไทยไว้รองรับการใช้บริการ นอกจากนี้ ในด้านความน่าเชื่อถือ XM ก็ไม่เป็นรองโบรกเกอร์เจ้าอื่น ๆ ยืนยันได้จากระยะเวลาการเปิดให้บริการที่ยาวนาน นับตั้งแต่ปี 2009 กระทั่งปัจจุบัน ที่ผ่านมาเกิน 10 ปีแล้ว สร้างฐานลูกค้าทั่วโลกมากกว่า 5 ล้านคน
นอกจากนั้น XM ยังมีรางวัลการันตีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น รางวัลดีเด่นในอุตสาหกรรมการเงิน จากการคัดเลือกจากกลุ่มอุตสาหกรรมโดย World Finance 100, โบรกเกอร์ที่เติบโตได้รวดเร็วที่สุดในพื้นที่ MENA ในงานมหกรรมทางการเงินและการลงทุนประจำปี 2016, รวมถึงการวิจัยเกี่ยวกับตลาดและการเสริมสร้างความรู้ดีเด่น ที่มอบรางวัลโดย CFI Magazine (CFI.co)
ด้านการบริการ XM เป็นโบรกเกอร์เทรด Forex ที่มีทีมงานคอยช่วยเหลือลูกค้าทุกคนทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งยังใช้งานได้อย่างสะดวก และยังสามารถเข้าถึงได้จากบนเดสท็อป, อุปกรณ์พกพาอย่างโทรศัพท์สมาร์ตโฟน และแท็บเล็ต

FBS

สำหรับใครที่เป็นคอฟุตบอล หรือเคยรับชมการแข่งขันฟุตบอลลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษ (Premier League) คงรู้สึกคุ้นตากับโบรกเกอร์เทรด Forex ที่น่าเชื่อถืออย่าง FBS เนื่องจากโบรกเกอร์เจ้านี้คือหุ้นส่วนหลักอย่างเป็นทางการของสโมสร Leicester City อดีตแชมป์ Premier League และที่สำคัญ FBS ยังลงทุนด้วยจำนวนเงินกว่า 7 ล้านปอนด์ต่อปี (ประมาณ 300-400 ล้านบาท) ในการเป็นสปอนเซอร์หลักคาดหน้าอกบนเสื้อแข่งขันของสโมสร Leicester City ดังนั้นเรื่องความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์เจ้านี้จัดว่าอยู่ในระดับท็อปลิสต์ก็ว่าได้ 
 
นอกจากนี้ FBS ยังเป็นโบรกเกอร์เทรด Forex ระหว่างประเทศที่เปิดให้บริการในกว่า 150 ประเทศทั่วโลก และในปัจจุบันมีนักลงทุนที่ใช้บริการมากกว่า 23 ล้านคน โดยมีความโดดเด่นหลายด้านที่สามารถครองใจนักลงทุนได้มากมาย ดังต่อไปนี้
  • Leverage มากถึง 1:500 และมีตราสารฯ ให้ทำการซื้อขายที่หลากหลาย
  • ได้รับการกำกับดูแลโดย IFSC และ CySEC
  • เปิดใช้งานโบนัสเพื่อให้การลงทุน ได้กำไรมากขึ้น 2 เท่า
  • เป็นโบรกเกอร์เทรด Forex ที่มีภาษาไทย ตอบโจทย์นักลงทุนชาวไทย

Land-FX

โบรกเกอร์เทรด Forex สัญชาติอังกฤษ ที่มีการมาเปิดสาขาในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ จดทะเบียนตั้งออฟฟิศอย่างถูกต้องกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ซึ่งข้อนี้สำคัญสำหรับนักลงทุนชาวไทยอย่างมาก เนื่องจากในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน เงินของนักลงทุนก็จะยังได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ทำให้ Land-FX คือหนึ่งในโบรกเกอร์เทรด Forex ที่น่าเชื่อถือที่สุดเจ้าหนึ่ง 
 
นอกจากนี้ Land-FX ยังมีคุณสมบัติเด่นอีกหลายประการที่ครองใจนักลงทุนทั่วโลกมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็น
  • เปิดบัญชีและทำการเทรด จบครบใน 1 นาที
  • สเปรดต่ำที่สุด เริ่มต้นที่ 0.0 pip
  • เลเวอเรจไม่จำกัด 
  • เป็นโบรกเกอร์เทรด Forex ที่มีภาษาไทย ตอบโจทย์นักลงทุนชาวไทย

โบรกเกอร์เทรด Forex ที่น่าเชื่อถือ ไม่โกง

Pepperstone

ปิดท้ายการแนะนำโบรกเกอร์เทรด Forex จากประเทศออสเตรเลียอย่าง Pepperstone ที่ระดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับท็อปลิสต์เช่นเดียวกัน เนื่องจากประเทศออสเตรเลียมีความเข้มงวดอย่างมากในการจัดตั้งธุรกิจโบรกเกอร์ Forex 
Pepperstone โดดเด่นด้วยการเป็นอันดับที่ 1 เรื่องโบรกเกอร์ที่มีค่า Spread ต่ำที่สุด โดยค่า Spread ของทุกคู่สกุลเงินหลักจะอยู่ที่ประมาณ 0.7-1 จุดเท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ เรื่องของความรวดเร็วในการเปิดปิดออเดอร์ และเซิฟเวอร์ที่มีเสถียรภาพค่อนข้างสูง ก็ถือว่าโดดเด่นเช่นกัน
สำหรับนักเทรดชาวไทย Pepperstone ถือเป็นโบรกเกอร์เทรด Forex ที่มีภาษาไทยและมีความน่าเชื่อถือ เนื่องจากมีการจัดตั้งสำนักงานในประเทศไทยที่ตึก Central World ทำให้นักเทรดอุ่นใจได้ว่าเงินของคุณจะปลอดภัยเมื่อเทรดกับ Pepperstone

เลือกโบรกเกอร์เทรด Forex ที่ใช่ แล้วศึกษาต่อกับ ChiangmaiFX

ถึงตรงนี้ หลายคนคงเลือกโบรกเกอร์เทรด Forex ไว้ในใจได้แล้ว หรือถ้าหากยังลังเล ChiangmaiFX ได้แนะนำวิธีการเปิดพอร์ตกับ Exness ไว้โดยละเอียด เข้าใจง่าย ทำตามได้เลย จากนั้นหากต้องการเทรดอย่างมีประสิทธิภาพและทำกำไรได้มากขึ้น สามารถศึกษากลยุทธ์และองค์ความรู้ต่าง ๆ ได้กับ ChiangmaiFX สถาบันให้ความรู้เกี่ยวกับ Forex ที่มีประสบการณ์อยู่ในตลาดมากว่า 13 ปี มีทั้งคอร์สปูพื้นฐาน ไปจนถึงเทคนิคขั้นสูง ที่สำคัญคือฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

เคล็ดลับการเทรด Forex แบบ Pop'n'Stop และ Drop'n'Stop

มารู้จัก Pop'n'Stop และ Drop'n'Stop เคล็ดลับการเทรด Forex

เคล็ดลับการเทรด Forex นั้นมีอยู่มากมาย ซึ่งจะต้องเลือกใช้ให้ถูกจังหวะ เพื่อให้คุณมีโอกาสสร้างกำไรในทุก ๆ สถานการณ์ ในวันนี้เราจะพาคุณมารู้จักกับเทคนิคการเทรดที่ช่วยให้คุณไล่ตามราคาได้ และคาดการณ์แนวโน้มของราคาว่าจะขึ้นหรือลงได้ดียิ่งขึ้นด้วยกลยุทธ์การเทรดแบบ Pop'n'Stop และ Drop'n'Stop

เทคนิคการเทรด forex วิธี Pop'n'Stop และ Drop'n'Stop

Breakout คืออะไรใน Forex?

ก่อนที่เราจะไปทำความรู้จักกับกลยุทธ์ Pop'n'Stop และ Drop'n'Stop สิ่งหนึ่งที่ควรรู้จักเสียก่อนก็คือการ Breakout หรือในภาษาไทยที่นิยมเรียกกันว่า “การฝ่าวงล้อม” โดยที่ Breakout นั้นจะหมายถึงการที่กราฟมีค่าราคาที่พุ่งสูงหรือลงต่ำเกินแนวรับหรือแนวต้านที่ตั้งเอาไว้ หรือถ้าพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือการที่กราฟราคาขึ้นหรือลงทะลุกรอบนั่นเอง 
  ซึ่งการเทรดด้วยการสังเกต Breakout นั้นเป็นที่นิยมมาก และใช้กันอย่างแพร่หลายในหลาย ๆ เครื่องมือการเทรด ไม่ว่าจะเป็นการเทรดคู่เงินต่าง ๆ ใน Forex รวมไปถึงการเทรดหุ้นด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อมีการ Breakout เกิดขึ้น จะช่วยให้คุณสามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวของกราฟราคาในอนาคตได้ แต่จะต้องคอยสังเกตความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นบนกราฟร่วมด้วย
  ยกตัวอย่างกลยุทธ์การเทรดด้วย Breakout ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายก็คือ ให้สังเกตการหยุดนิ่งของกราฟหลังจากมีการ Breakout เกิดขึ้น รวมถึงการหยุดนิ่งของกราฟราคาหลังจากที่กราฟมีการพุ่งขึ้นสูง หรือตกลงต่ำจนทะลุกรอบออกมา ซึ่งถูกนำมาประยุกต์ใช้เป็นเคล็ดลับการเทรด Forex ด้วยกลยุทธ์ Pop'n'Stop และ Drop'n'Stop

เคล็ดลับการเทรด Forex ด้วยกลยุทธ์ Pop'n'Stop และ Drop'n'Stop

กลยุทธ์การเทรดแบบ Pop'n'Stop และ Drop'n'Stop นั้นถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยให้คุณสามารถบอกได้ว่าทิศทางราคาของคู่เงินแต่ละคู่นั้นจะเป็นไปอย่างไรหลังเกิดการทะลุกราฟ ไม่ว่าจะเป็นในขาขึ้น หรือขาลงก็ตาม เพื่อให้คุณสามารถวางแผนการเทรดได้อย่างมีหลักการมากขึ้น อีกทั้งยังจะเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนหรือกำไรในทุก ๆ สถานการณ์ของตลาดทั้งช่วงราคาขึ้นหรือลง โดยที่เทคนิค Pop'n'Stop นั้นมีไว้สำหรับการวิเคราะห์กราฟขาขึ้น ขณะที่เทคนิค Drop'n'Stop นั้นจะใช้เพื่อวิเคราะห์กราฟขาลง

กลยุทธ์การเทรดแบบ Pop'n'Stop

เทคนิค Pop'n'Stop มาจากลักษณะของกราฟราคาที่ Pop หรือทะลุออกจากกรอบ แล้วจากนั้นก็ Stop คือหยุดนิ่ง ซึ่งเมื่อเกิดการ Pop'n'Stop แล้ว จะมีแนวโน้มสูงมากที่ราคาของคู่เงินนั้น ๆ จะเป็นไปในทิศทางเดียวกับการ Breakout หรือก็คือจะมีราคาที่พุ่งสูงขึ้น
  เมื่อใช้เทคนิค Pop'n'Stop นี้ในช่วงขาขึ้นของตลาด เทรดเดอร์มักจะวางคำสั่ง Limit หนึ่งหรือสอง Pip ก่อนที่ราคาจะถึง Rejection Bar เพื่อช่วยจัดการกับความเสี่ยงในการลงทุน โดยเทคนิคนี้เป็นเทคนิคสำหรับการ Scalping ระยะสั้นเท่านั้น และถือเป็นเทคนิคที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากการหยุดนิ่งของกราฟอาจไม่ได้นำไปสู่ทิศทางของราคาที่สูงขึ้นเสมอไป ดังนั้นจึงควรตรวจสอบให้มั่นใจก่อนว่าการคาดการณ์ราคาของคุณนั้นถูกต้องจริงหรือไม่

กลยุทธ์การเทรดแบบ Drop'n'Stop

เมื่อได้รู้จักกับเทคนิค Pop'n'Stop กันแล้ว อีกหนึ่งเทคนิคที่มักถูกพูดถึงคู่กันเสมอก็คือเคล็ดลับการเทรด Forex ด้วยเทคนิค Drop'n'Stop เพราะเป็นเทคนิคที่ตรงข้ามกันกับ Pop'n'Stop 
  เทคนิค Drop'n'Stop เป็นเทคนิคที่สร้างขึ้นมาสำหรับการสร้างผลตอบแทนจากการเทรดแม้ตลาดจะอยู่ในช่วงขาลง โดยให้สังเกตการ Drop หรือการที่กราฟตกลงทะลุกรอบล่าง แล้วตามมาด้วยการหยุดนิ่ง เพราะเมื่อมีการ Drop และต่อด้วย Stop ก็จะสามารถคาดเดาได้ว่าทิศทางราคาของคู่เงินที่จะเทรดนั้นจะมีทิศทางไปในทางเดียวกันกับการ Breakout ซึ่งก็คือราคาที่จะตกลงอีกนั่นเอง
  เทคนิคนี้จะช่วยให้เทรดเดอร์ได้รู้ว่าหลังจาก Breakout ที่ราคาตกลงทะลุกรอบแล้ว จะยังคงมีราคาต่ำลงไปอีก ทำให้เทรดเดอร์สามารถวางแผนการเทรดเพื่อลดหรือจัดการความเสี่ยงในการเทรดได้อย่างดียิ่งขึ้น หรือใช้เพื่อพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ด้วย อย่างไรก็ตาม การใช้เทคนิค Drop'n'Stop ถือว่าเป็นเทคนิคที่มีความเสี่ยงสูงไม่น้อยกว่าการเทรดด้วยเทคนิค Pop'n'Stop เนื่องจากความไม่แน่นอนของกราฟราคาที่อาจเกิดการเหวี่ยงและไม่เป็นไปตามทิศทางที่คาดการณ์ไว้

ต้องรู้ทั้งเทคนิคและข้อควรระวัง จึงจะเทรดได้อย่างมีคุณภาพ

เรียนรู้เคล็ดลับการเทรด forex แบบต่าง ๆ เพื่อเทรดให้มีคุณภาพ

แม้ว่าการเทรด Forex จะมีเทคนิค และกลยุทธ์มากมายที่เทรดเดอร์สามารถนำไปลอง ประยุกต์ใช้ร่วมกันได้หลายเทคนิค ทำให้การเทรดนั้นตื่นเต้น และมีช่องทางให้สามารถสร้างผลตอบแทนจากการเทรดได้ในทุกสถานการณ์ แต่สิ่งสำคัญที่คุณไม่ควรหลงลืม หรือมองข้ามเด็ดขาดก็คือความเสี่ยงที่มาพร้อมกับการเทรด Forex ซึ่งเป็นการเทรดที่มีความเสี่ยงสูงมาก ขอให้คุณระลึกอยู่เสมอว่าในการเทรด Forex นั้นไม่มีอะไรแน่นอน และไม่มีเทคนิคใดที่ช่วยรับประกันได้ว่าคุณจะไม่ขาดทุนหรือจะได้กำไร เพราะฉะนั้นคุณจึงควรเทรดอย่างระมัดระวัง ไม่ทุ่มเงินมากเกินไปโดยไม่คำนึงถึงกรณีที่อาจมีการขาดทุนเกิดขึ้น

อยากเรียนเทรด Forex นึกถึง ChiangmaiFX

เมื่อได้รู้เคล็ดลับการเทรด Forex ดี ๆ ที่ช่วยให้คุณสร้างผลประโยชน์ทั้งขาขึ้นและลงของตลาด อย่างเทคนิค Pop'n'Stop และ Drop'n'Stop แล้ว หากเริ่มสนใจการเทรด Forex บ้าง อย่ารอช้า มาเริ่มต้นเรียนเทรด Forex กับอาจารย์สอนเทรดที่มีประสบการณ์กว่า 10 ปีได้เลยที่ ChiangmaiFX

โบรกเกอร์ Forex คืออะไร? และมีวิธีการเลือกอย่างไร?

หากคุณมีความสนใจที่จะเข้าสู่สนามการเทรด Forex (Foreign Exchange) โดยมุ่งหวังที่จะทำกำไรจากการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ซึ่งราคามีความผันผวนตาม Demand และ Supply ของแต่ละสกุลเงิน รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อการขึ้นลงของอัตราแลกเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็น อัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน ราคาทองคำ สภาพเศรษฐกิจ สถานการณ์บ้านเมือง เหตุการณ์ทั้งในและต่างประเทศ เป็นต้น แต่ก่อนที่จะเริ่มต้นเทรดได้ สิ่งแรกที่ผู้สนใจจำเป็นจะต้องทำคือ การเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์เสียก่อน  
 
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีโบรกเกอร์ Forex เปิดให้บริการมากมายจากหลายประเทศทั่วโลก  และท่ามกลางการแข่งขันที่สูงเช่นนี้ ทำให้ผู้สนใจการเทรดไม่รู้ว่าควรเลือกโบรกเกอร์ Forex จากเจ้าไหนดี เพราะต่างโฆษณาว่า ‘ปลอดภัย’ และ ‘เชื่อถือได้’ และเพื่อให้เกิดความมั่นใจกับการเทรด Forex ทั้งนักเทรดหน้าเก่าและหน้าใหม่ เรามีวิธีเลือกโบรกเกอร์ Forex อย่างไรให้ปลอดภัยมาฝาก ที่จะช่วยให้คุณไม่ตกไปเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่แฝงตัวมาในคราบของโบรกเกอร์ ดังเช่นกรณีของ Forex 3D ซึ่งเป็นแชร์ลูกโซ่ แต่แอบอ้างด้วยการเป็นโบรกเกอร์ Forex จนกลายเป็นข่าวโด่งดังในช่วงที่ผ่านมา
 
บทความนี้จึงจะมาแบ่งปันถึง 5 ปัจจัย ที่สามารถนำไปใช้ประกอบการเลือกเทรด Forex กับโบรกเกอร์ไหนดี ซึ่งหากโบรกเกอร์เจ้าไหนผ่านทั้ง 5 ข้อนี้ ก็อุ่นใจได้ว่าการเทรดของคุณจะปลอดภัย ไร้กังวล ติดตามได้เลย
 
 forex โบรกเกอร์ไหนดี ปลอดภัย

โบรกเกอร์ Forex คืออะไร?

ก่อนจะไปถึงปัจจัยที่ใช้เป็นวิธีเลือกโบรกเกอร์ Forexให้ปลอดภัย นักลงทุนทุกคนควรเข้าใจอย่างกระจ่างเสียก่อนว่า ‘โบรกเกอร์ Forex คืออะไร?’
 
อธิบายให้เข้าใจโดยกระชับ โบรกเกอร์ Forex เปรียบเสมือนสะพานที่เชื่อมนักลงทุนกับตลาด Forex เข้าไว้ด้วยกัน หลังจากที่นักลงทุนสมัครใช้งานโบรกเกอร์เรียบร้อยแล้ว และต้องการที่จะเทรด โบรกเกอร์ Forex จะทำการส่งคำสั่งซื้อ-ขายไปยังตลาด Forex เนื่องจากนักลงทุนรายย่อยไม่สามารถส่งคำสั่งซื้อไปยังศูนย์กลาง (Liquidity Providers) ได้โดยตรง ด้วยเหตุนี้โบรกเกอร์ Forex จึงเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างมากสำหรับการเทรด 
 
ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำเป็นสิ่งแรกเพื่อจะเข้าสู่สนามการเทรด Forex คือการสมัครใช้บริการโบรกเกอร์เจ้าใดเจ้าหนึ่ง ส่วนวิธีเลือกโบรกเกอร์ Forex สามารถนำทั้ง 5 ปัจจัยดังต่อไปนี้มาประกอบการพิจารณาในการเลือกได้

คุณสมบัติตอบโจทย์ครบครัน

สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาก่อนจะตัดสินใจว่าจะสมัครใช้บริการ Forex โบรกเกอร์ไหนดีคือฟีเจอร์ในการเทรดที่ควรต้องครบครัน ไม่ว่าจะเป็น เลเวอเรจ, มาร์จิ้น, คอมมิชชั่น, เงินฝากเริ่มต้น, ความสะดวกสบายในการฝากเงินเข้าหรือถอนเงินออก เนื่องจากคุณสมบัติเหล่านี้สำคัญอย่างมากกับการเทรด ถ้าขาดตกบกพร่องสิ่งใดไปก็ย่อมส่งผลให้ประสิทธิภาพในการเทรดลดลง ส่งผลถึงโอกาสทำกำไรก็น้อยลงด้วยเช่นกัน 
ด้วยเหตุนี้ก่อนที่จะตัดสินใจเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ จึงควรที่จะนำคุณสมบัติเหล่านี้ของโบรกเกอร์แต่ละเจ้ามาเปรียบเทียบกัน เพื่อให้รู้ว่าโบรกเกอร์เจ้าใดตอบโจทย์มากที่สุด

ตัวเลือกสกุลเงิน

ถึงแม้ Forex จะเป็นการเทรดสกุลเงินตรา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกสกุลเงินในโลกจะสามารถเทรด Forex ได้ โดยสกุลเงินหลักที่นิยมในการเทรดคือคู่สกุลเงินของ กลุ่มประเทศ G10 ได้แก่ ดอลลาร์สหรัฐ (USD), ยูโร (EUR), ปอนด์สเตอร์ลิง (GBP), เยนญี่ปุ่น (JPY), ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD), ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD), แคนาดา ดอลลาร์ (CAD) และฟรังก์สวิส (CHF) ด้วยเหตุนี้ โบรกเกอร์ที่ดีควรจะมีคู่สกุลเงินเหล่านี้ให้เทรดอย่างครบครัน เป็นหนึ่งในวิธีเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่ควรนำมาพิจารณา เนื่องจากยิ่งโบรกเกอร์มีคู่สกุลเงินให้เลือกเทรดมากเท่าไร นักเทรดก็มีโอกาสทำกำไรได้มากเท่านั้น เพราะจะทำให้นักลงทุนสามารถพลิกแพลงกลยุทธ์การเทรดได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น 

ได้รับอนุญาตตามกฎหมายอย่างถูกต้อง

ปัจจัยข้อนี้ถือเป็นข้อสำคัญที่สุดในการตัดสินใจว่าจะสมัครใช้บริการ Forex โบรกเกอร์ไหนดีก็ว่าได้ เนื่องจากในการเทรด Forex ความน่าเชื่อถือคือสิ่งที่จะมองข้ามไม่ได้เด็ดขาด โดยสามารถพิจารณาได้จากว่าโบรกเกอร์เจ้าดังกล่าวว่าได้รับการอนุญาตให้เปิดบริการ และปฏิบัติตามข้อกฎหมายอย่างถูกต้องหรือไม่ สำหรับในประเทศไทย หน่วยงานที่ทำหน้าที่ดูแลเรื่องนี้คือสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ถ้าหากพบว่าโบรกเกอร์เจ้าใดไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าอาจเป็นมิจฉาชีพ และควรถอยออกมาให้ห่างที่สุด

ซอฟแวร์กระดานเทรดมีประสิทธิภาพ

อีกหนึ่งปัจจัยที่ใช้เป็นวิธีเลือกโบรกเกอร์ Forex ให้ปลอดภัย และสามารถเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพคือตรวจสอบกระดานเทรดและซอฟแวร์ของโบรกเกอร์ว่าสามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหลหรือไม่ เนื่องจากการเทรด Forex มีปัจจัยด้านเวลาเกี่ยวข้องสูงมาก หากช้าไปเพียงไม่กี่วินาทีอาจหมายถึงกำไรจำนวนมากที่หายวับไปกับตา นอกจากนี้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค ตัวเลือกการปรับแต่ง ประเภทรายการคำสั่งซื้อ ตัวเลือกการซื้อขายอัตโนมัติ เครื่องมือสร้างกลยุทธ์ คุณลักษณะการทดสอบย้อนหลัง รวมถึงการแจ้งเตือนการซื้อขาย ก็ควรจะมีไว้ให้บริการแก่นักลงทุนอย่างครบครันเช่นกัน 
 
วิธีเลือกโบรกเกอร์ forex เลือกยังไง

การบริการลูกค้า

เนื่องจาก Forex เป็นตลาดการลงทุนที่เปิดทำการวันละ 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ เรียกได้ว่าการลงทุนเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา อีกทั้งไม่มีใครล่วงรู้ว่าจังหวะในการทำกำไรจะมาถึงเมื่อไร ดังนั้นวิธีเลือกโบรกเกอร์ Forex ข้อสุดท้ายคือการพิจารณาว่าฝ่ายบริการลูกค้าของโบรกเกอร์พร้อมให้บริการตลอดเวลาหรือไม่ เพื่อไม่ให้เสียโอกาสทำกำไรที่จะเกิดขึ้น

เลือกโบรกเกอร์ได้แล้ว เรียนวิชาเทรดเพิ่มเติมกับ ChiangmaiFX

ด้วยปัจจัยทั้ง 5 ข้อที่กล่าวไป น่าจะเพียงพอต่อการตัดสินใจได้แล้วว่าจะเทรด Forex โบรกเกอร์ไหนดี และถ้าหากต้องการเข้าสู่สนามเทรดด้วยองค์ความรู้ที่มากขึ้น มีโอกาสที่จะทำกำไรเยอะขึ้น สามารถศึกษากลยุทธ์และองค์ความรู้ต่าง ๆ ได้กับ Chiangmai Forex สถาบันให้ความรู้เกี่ยวกับ Forex ที่มีประสบการณ์อยู่ในตลาดมากว่า 13 ปี  มีทั้งคอร์สปูพื้นฐาน ไปจนถึงเทคนิคขั้นสูง  สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.chiangmaifx.com และ Facebook : Chiangmai Forex

เทรดแบบ Day Trading คืออะไร? ผู้เริ่มต้นเทรด Forex ต้องอ่าน

  การเทรด Forex เป็นการลงทุนที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน มีการเทรดกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย เพราะสามารถเริ่มต้นเทรดได้ง่าย ๆ โดยใช้เงินต้นไม่สูงมากก็เริ่มต้นเทรดได้แล้ว โดยจะเป็นการเทรดคู่สกุลเงินตราต่างประเทศ และเก็งกำไรจากส่วนต่างของอัตราซื้อ-ขายเงินของสกุลต่าง ๆ ซึ่งการเทรด Forex นั้นมีข้อดีมากมาย ไม่ใช่เพียงแค่ความยืดหยุ่นของเวลาที่สามารถเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ยังเป็นการเทรดที่คุณสามารถสร้างกำไร หรือผลตอบแทนได้ทุกช่วงของตลาด ไม่ว่าจะเป็นช่วงขาขึ้นหรือขาลงของตลาดก็ตาม 
  ซึ่งแน่นอนว่า การจะเทรด Forex ให้สร้างผลตอบแทนได้นั้น คุณควรมีพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับการเทรดเอาไว้ เพื่อให้เข้าใจธรรมชาติของการเทรด และรู้ถึงความเสี่ยง ข้อควรระวัง และกลยุทธ์การเทรดพื้นฐาน เพื่อให้สามารถวางแผนการเทรด Forex ได้ดียิ่งขึ้น 
  วันนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับรูปแบบการเทรดอย่าง Day Trading ว่าคืออะไร? มีลักษณะการเทรดอย่างไร? รวมถึงมีข้อดีและเหมาะสมกับนักเทรดแบบใดบ้าง
 
เริ่มต้นเทรด Forex ต้องรู้จัก Day Trading

การเทรดแบบ Day Trading คืออะไร?

  การเทรดแบบ Day Trading หรือที่เรียกว่า Day Trade เป็นการเทรดแบบรายวัน หมายถึงการเทรดสินทรัพย์ต่าง ๆ ที่ทำการซื้อและขายให้จบเสร็จสิ้นภายในวันเดียว รู้ผลกำไรหรือขาดทุนภายในวันนั้น ซึ่งการเทรดประเภทนี้เป็นการเทรดที่เน้นเก็งกำไรระยะสั้นโดยเฉพาะ  
  โดยการเทรดแบบ Day Trading นั้นสามารถนำไปใช้ได้กับทั้งการเทรดหุ้น การเทรด DW (Derivative Warrants) การเทรด Forex และการเทรดอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน โดยสำหรับการเทรด Forex นั้น การเทรดแบบ Day Trading จะหมายถึงการเปิดคำสั่งซื้อหรือขาย และปิดคำสั่งซื้อให้เสร็จภายในวันเดียวกัน 

การเทรดแบบ Day Trading เหมาะกับ Forex หรือไม่?

  อย่างที่ได้บอกไปว่าการเทรดแบบรายวัน หรือ Day Trading นั้นใช้กับการเทรด Forex ได้ แต่เราควรจะต้องพิจารณาให้ดีก่อนว่าการเทรดแบบรายวันนี้เหมาะกับการเทรด Forex หรือไม่? 
  ซึ่งถือว่าเป็นข่าวดีของผู้เริ่มต้นเทรด Forex เพราะรูปแบบการเทรดแบบรายวันนี้เป็นการเทรดที่เหมาะกับ Forex อย่างมาก อีกทั้งยังเป็นรูปแบบการเทรดที่นิยมมากที่สุดในตลาด Forex ตอนนี้ด้วย เนื่องจากการเทรด Forex ส่วนมาก จะเน้นการเก็งกำไรระยะสั้น ๆ เช่นเดียวกับธรรมชาติของรูปแบบการเทรดแบบ Day Trading  

ข้อดีของการเทรด Forex แบบ Day Trading

  ข้อดีของการเทรด Forex แบบรายวันนั้นมีอยู่หลายด้านด้วยกัน ซึ่งข้อดีเหล่านี้นี่เอง ที่ดึงดูดและจูงใจนักเทรด Forex ทั้งผู้มีประสบการณ์และผู้เริ่มต้นเทรด Forex เรามาดูกันว่าการเทรดแบบนี้มีข้อดีอย่างไรบ้าง

ลดความเสี่ยงของการเทรดแบบเปิดสถานะข้ามวันได้

  การเทรดแบบเปิดสถานะข้ามวันเอาไว้ จะมีความเสี่ยงในเรื่องของความผันผวนของราคาสกุลเงินต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละวันให้เข้ามามีบทบาท และสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์การเทรดของคุณ จากที่ได้ผลตอบแทนดีอาจกลับกลายเป็นขาดทุนได้เลย ซึ่งการเทรดแบบรายวันจะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสกุลเงินได้เป็นอย่างดี 

สร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้รวดเร็ว

  การเทรด Forex ด้วยรูปแบบ Day Trading เป็นวิธีการเทรดที่ทำให้คุณสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนเทรด Forex ได้อย่างรวดเร็ว หากคุณความสามารถวิเคราะห์ตลาดได้ขาด และเทรดได้อย่างถูกต้อง คุณก็จะสามารถสร้างผลตอบแทนภายในวันเดียวได้ ซึ่งทำให้การเทรดแบบรายวันนี้เป็นที่นิยมมากในหมู่ผู้ที่ต้องการมีรายได้เสริมจากการเทรดอย่างรวดเร็ว

ไม่ต้องแบกรับความเครียด และความกังวล

ผู้เริ่มต้นเทรด Forex เหมาะกับ Day Trading

ด้วยธรรมชาติของการเทรดแบบรายวัน ทำให้กระบวนการเทรดเกิดขึ้น และจบลงภายในวันเดียว ไม่สร้างความเครียดให้กับนักเทรดมากนัก โดยเฉพาะผู้เริ่มต้นเทรด Forex ที่ยังคงกล้า ๆ กลัว ๆ โดยการเทรดรูปแบบนี้จะทำให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องความผันผวนของตลาด 

การเทรดแบบ Day Trading เหมาะกับใคร

  การเทรดแบบ Day Trading เหมาะกับนักเทรดที่ต้องการได้ผลตอบแทนจากการลงทุนกลับมาอย่างรวดเร็ว รวมถึงยังเหมาะกับนักเทรดที่ไม่ได้หวังผลกำไรหรือผลตอบแทนก้อนโตในครั้งเดียว แต่พึงพอใจกับการเทรดแล้วได้กำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ในแต่ละครั้ง  
  นอกจากนี้แล้ว การเทรดแบบ Day Trading ยังเหมาะกับผู้ที่อยากเทรดโดยไม่ต้องกังวลกับเรื่องความผันผวน หรือราคาที่จะขึ้น-ลงอย่างน่าตกใจในแต่ละวัน เพราะเป็นการเทรดที่จบภายในวันเดียว รู้ผลการเทรด และได้รับผลตอบแทนเลยภายในวันนั้นเลย ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงเป็นเวลาหลายวัน อย่างไรก็ตาม การเทรดแบบรายวันเช่นนี้ จำเป็นต้องอาศัยการวิเคราะห์ และประสบการณ์ในการเทรด เพื่ออ่านตลาดให้ออก และวางกลยุทธ์การเทรดได้อย่างรวดเร็ว
 
  เมื่อคุณได้รู้จักกับการเทรดแบบ Day Trading แล้ว ว่ามีลักษณะและข้อดีอย่างไรบ้าง เราหวังว่าคุณจะสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปประเมินว่า ตัวคุณเหมาะกับการเทรด Forex แบบ Day Trading หรือไม่ เพื่อให้คุณได้วางแผนการเทรดและบริหารความเสี่ยง รวมถึงเริ่มต้นเทรด Forex ได้อย่างมีหลักการ เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในอนาคต 
  นอกจากการเทรดแบบ Day Trading แล้ว ยังมีการเทรดรูปแบบอื่น ๆ ที่คุณสามารถเรียนเพื่อนำไปปรับใช้กับการเทรด Forex ได้ พร้อมเทคนิคดี ๆ อีกมากมายที่ หากสนใจสามารถทดลองเรียนฟรีได้ที่ ChiangmaiFX สถาบันให้ความรู้ที่มีประสบการณ์อยู่ในตลาดมากว่า 13 ปี  มีทั้งคอร์สปูพื้นฐาน ไปจนถึงเทคนิคขั้นสูง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.chiangmaifx.com และ Facebook : Chiangmai Forex